
กลยุทธ์ตั้งราคาให้ขายดีมีกำไร
การตั้งราคาสินค้านั้นสำคัญมาก ต้องตั้งให้มีความเหมาะสม
โดนใจผู้ซื้อ และไม่กระทบกับภาพลักษณ์ของสินค้า ไม่ตั้งราคาถูกไปจนขาดทุน
หรือสูงไปจนเกินมูลค่าของสินค้า โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึงก็ คือ
การแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงคุณค่า (Value) ของสินค้าและบริการที่จะได้รับ
เพื่อให้สินค้าดูโดดเด่น ดึงดูดใจ ด้วยราคาที่ผู้ซื้อพึงพอใจ และเต็มใจที่จะจ่าย
ตั้งราคาลงที่ท้ายด้วย 9
ตามหลักจิตวิทยาแล้วคนเรามักจะมองเห็นตัวเลขด้านหน้าเป็นส่วนใหญ่ในการประเมินราคาของสินค้า
ซึ่งหมายความว่าหากเราตั้งราคาให้เป็นเลข 9 ต่อท้ายจะทำให้ลูกค้ารู็สึกว่าสินค้าชิ้นนี้มีราคาไม่แพงมาก
เช่น รองเท้าราคา 199 บาทกับ รองเท้าราคา 200 บาท แค่มองก็ทำให้เรารู้สึกได้แล้วว่ารองเท้าราคา
199บาทราคาถูกกว่าไม่ถึง 200บาท ทำให้ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายในราคาที่ดูคุ้มค่า ซึ่งการตั้งราคาขายแบบนี้เหมาะสมกับสินค้าประเภทที่สามารถต่อรองราคาได้เช่น
เสื้อผ้า, กระเป๋า, เคสมือถือ
ฯลฯ ที่ไม่ใช่ของแบรนด์แนม เพราะการต่อรองของลูกค้าจะยังคงอยู่ในความพอใจของเราด้วย
ที่ตั้งราคาแบบนี้เพื่อให้ได้กำไรอย่างเหมาะสม
ตั้งราคาที่คำนวณง่าย
ควรตั้งราคาให้ง่ายต่อการคำนวณค่าใช้จ่ายของลูกค้า
ตั้งราคาที่มีตัวเลขลงท้ายระหว่าง ต้น,กลาง,หลัง เช่น 1,2,3,4 และ 6,7,8
หากในตัวเลขราคามีเลขเหล่านี้ต่อท้าย จะเป็นการคำนวณราคายาก
ตามหลักจิตวิทยาแล้วส่วนใหญ่จะคำนวณตัวเลขต่างๆ ได้ง่ายถ้ามีตัวเลข 0,5 อยู่ท้ายราคา
ซึ่งการตั้งราคาแบบนี้เหมาสำหรับสินค้าที่ต่างชนิดกัน แต่เป็นสินค้าที่สามารถซื้อรวมกันเป็นชุดได้
เช่น เสื้อ, กางเกง, รองเท้า,
เครื่องประดับ ฯลฯ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถคำนวณยอดชำระในการซื้อสินค้าทั้งหมดได้ง่าย
และสะดวกในการทอนเงิน
แยกค่าส่งกับราคาสินค้า
ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์หลายคนคิดว่าการรวมราคาสินค้ากับราคาขนส่งแล้วบอกว่าขนส่งฟรี
ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่คุ้มค่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกค้ามักจะเปรียบเทียบราคาสินค้าแบบเดียวกันกับหลายๆร้าน
ซึ่งการจากการแยกราคาสินค้ากับราคาขนส่ง จะทำให้ราคาสินค้าของเรามีความรู้สึกว่าถูกกว่าร้านอื่นที่รวมราคาขนส่งไปแล้ว
การมองดูครั้งแรกจะทำให้ราคาของเราน่าสนใจมากกว่า วิธีการนี้เหมาะสำหรับสินค้าทุกแบบที่ขายออนไลน์